เสมือนจริง ก็คือ ไม่จริง ใช่ไหม ?
มองอย่างธรรม ให้มองเข้าไปที่ความเป็นจริง
สิ่งกระทบต่างๆ ทางอายตนะ 6 ที่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ
แบ่งออกได้อีก 2 อย่าง คือ ที่เป็นรูปธรรม และ ที่เป็น นามธรรม
ที่เป็นรูป คือ ตาเนื้อมองเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส
กายได้สัมผัส และใจได้รู้สึก เรียกว่า อินทรีย์ 6
ส่วน นาม คือ เรื่องของมโนนึกคิด นึกว่าเห็น นึกว่าได้ยิน นึกว่าได้กลิ่น
นึกถึงรสชาติ นึกถึงสัมผัส และ อารมณ์ เรียกว่า อารมณ์ 6
ส่งการบ้านเทวดา
อาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2564
” #Metaverse “
…
วิปัสสนา เข้าไปพิจารณา เรื่อง ” ความเสมือนจริง “
มองทางโลก คือ เทคโนโลยี ที่เป็นนวัตกรรม ความทันสมัย ล้ำหน้า
แต่ถ้ามองทางธรรม นี่คือ
ความโชคดี ที่ได้โอกาส ทำความเข้าใจ ” ไตรลักษณ์ ” ได้มากขึ้น
ในเรื่องของ อนัตตา
คือ ความไม่มีอัตตา ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ตัวตน
ที่มีลักษณะ
#เป็นสภาพว่างเปล่า
คือหาสภาวะที่แท้จริงไม่ได้ เพราะประกอบด้วยธาตุ 4
เมื่อแยกธาตุออก สภาวะที่แท้จริงก็ไม่มี
#หาเจ้าของมิได้
คือไม่มีใครเป็นเจ้าของแท้จริง สงวนรักษามิให้เปลี่ยนแปลงไม่ได้
#ไม่อยู่ในอำนาจ
คือไม่อยู่ในบัญชาของใคร ใครบังคับไม่ได้ เช่นบังคับไม่ให้แก่ไม่ได้
…
ทางโลก เดินหน้าด้วย เทคโนโลยี และนวัตกรรม
ผู้สร้างสรรค์ นำเสนอสิ่งใหม่ๆให้กับโลก เพื่อนำไปใช้งาน
ด้วยประสงค์จะอำนวยความสะดวก ทำให้ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้น
และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่
ผู้สร้างสรรค์ ก็มีแผนการตลาด ออกมาขอสิ่งแลกเปลี่ยนกับโลก
ไม่ว่าจะเป็น ทรัพย์มหาศาล หรือ อำนาจทางธุรกิจ
ที่สิ่งประดิษฐ์นั้น จะมีอิทธิพลต่อชาวโลก มากน้อยเพียงใด
>>>
วิปัสสนา ทำให้มองเข้าไปที่ ” ความเป็นจริง “
แน่นอน
ผู้สร้างสรรค์ ย่อมนำเสนอประโยชน์ ที่ผู้คนทั่วโลกจะได้รับ
จากสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม ความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี
ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในโลก
แต่
เขายังไม่นำเสนอ โทษ ที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
ที่จะมีผลกระทบ ต่อ การดำเนินไปของสิ่งประดิษฐ์ สิ่งสร้างสรรค์ เหล่านั้น
ออกมาควบคู่กันกับ ประโยชน์ ให้ชาวโลก หรือ ลูกค้าของเขา ได้รู้
…
ท่านคงเคยดูหนัง ที่ถ่ายทอด เกี่ยวกับอนาคต
ที่มนุษย์ สร้างสรรค์ขึ้นมา
โดยผู้สร้างสรรค์ ไม่ได้แค่นึกคิดจินตนาการขึ้นมาเองอย่างเดียว
แต่เขา หาข้อมูล ความเป็นไปได้ และ ความเป็นจริงตามวิทยาศาสตร์ ตรรกศาสตร์ หลักเหตุและผล ที่มันเกิดขึ้นมา
แล้วนำมาสร้าง เป็นหนัง เป็นภาพยนตร์ ให้คนได้ดู
เราเห็นสิ่งต่างๆที่เคยปรากฏในหนัง และได้เกิดขึ้นบนโลกจริงๆนี้
ตามหลักเหตุและผล ที่มันเกิดขึ้นได้ มากมาย
อนาคต ที่ผู้สร้างสรรค์ต่างๆไว้ ก็มีโอกาส เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้จริง ถ้าสิ่งนั้น เกิดขึ้นตามหลักเหตุ และผล
แต่
อย่าลืมว่า นอกจากประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว
ยังมีเรื่อง โทษ ที่อาจจะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกันได้ด้วย
…
มองอย่าง ธรรม
เสมือนจริง ย่อมไม่ใช่ความจริง
เมื่อไม่ใช่ความจริง เป็นอนัตตา ไม่มีตัว ไม่ใช่ตัว
ทั้งอายตนะภายนอก และภายใน
สะท้อนเข้าไปถึงการเรียนรู้ ตามความเป็นจริงของรูปธรรม
ที่เป็นการรวมตัวขึ้นมาของธาตุ 4
กายนี้ แขนนี้ ขานี้ ตัวนี้ ก็ไม่ใช่ตัว จริงๆ
เมื่อไหร่ที่แยกออกจากกันแล้ว ตัวตน ก็หายไป
>>>
เส้นผม ที่ยาวสลวยสวยงาม เจ้าของหวงแหน
ประคบประหงม ฟูมฟักรักษา บำรุงเลี้ยงดู
แต่เมื่อลองตัดทิ้งออกไปแล้ว
มีใครบ้าง ยังบอกว่า เส้นผมที่ตัดทิ้งลงพื้นแล้ว
ยังเป็นผมของตัว หรือยังหวงแหน นำกลับไปเลี้ยงดูอีก
>>>
ท่านให้พิจารณา อย่างง่ายๆนี้ กับ
ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง
ที่มันสามารถหลุด ออกไปจากร่างกายได้ ง่ายและบ่อย
เมื่อตอนที่มันยังอยู่กับร่างกาย
คน ก็จะหวงแหน ยึดถือว่า เป็นร่างกายของตน
เรียกว่า ยึดเป็นอัตตา สร้างตัวตนขึ้นมา
ผมนี้ของฉัน ขน เล็บนี้ของฉัน
ฟัน และผิวหนังนี้ ก็ของฉัน
แต่พอมันหลุดออกไป ตกลงพื้น
” ทำไม มันจึงไม่ใช่ของฉันไปแล้ว “
เพราะ
เราสมมุติมันขึ้นมาทั้งนั้น
มันไม่ได้เป็นของฉัน ของใคร ตั้งแต่แรก
มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับสลายไป แบบนี้
แม้แต่ร่างกาย อวัยวะต่างๆ ก็เหมือนกัน
มันมีวันที่เสื่อมสลาย หมดอายุ
แล้วก็ต้องหลุดไป ตัดทิ้งไป เน่า หรือ เสื่อมไป
>>>
นี่คือ โลกจริง ที่เหมือนจริง
และโลกเสมือนจริง ที่ไม่ใช่ความจริง
แต่เอามาให้เรียนรู้ เป็นตัวอย่าง เปรียบเทียบกัน
มันคล้ายๆกัน
…
ท่านลองใช้ธรรม พิจารณา
ท่านจะมองเห็น เช่นนี้ และ มันก็เป็นเช่นนี้เอง
นี่คือ ความจริง
ที่เรามองเข้าไปตามความเป็นจริง เพื่อพิจารณาได้
สาธุ
วิปัสสนาทำให้คนโง่ ฉลาดขึ้น
#ธรรมนิมิตร