” สงสารแม่ “

อยากเล่าเรื่องส่วนตัวบางอย่าง
ที่คิดว่า มันเป็นประโยชน์กับผู้อื่นได้

ถือโอกาส เอามาเป็น การบ้านส่งเทวดา เลยก็แล้วกัน
11 พฤศจิกายน 2564
>>>
” ผมสงสารแม่ “
แม่เป็นคนที่เก็บแทบจะทุกเรื่องภายในครอบครัว มาคิด
จะบอกว่าทุกเรื่องเลยดีกว่า
ทั้งเรื่องลูก ทุกอย่างของลูก ชีวิต งาน ครอบครัว
เรื่องหลาน ทุกอย่างของหลาน ชีวิต งาน ครอบครัว
แม้แต่ ญาติๆ รวมไปถึงเพื่อนๆ คนสนิท คนรู้จัก
จะเอามาคิด เอามาเปรียบเทียบ เอามากังวล ไปเสียทุกเรื่อง
>>>
ผมพูดคุยกับแม่ เรื่องนี้ มาเป็น 10 ปีแล้ว
คุยเรื่อง ” การปล่อยวาง “
แม่ฟัง แต่ก็เออๆ ออๆ ไป เหมือนจะยอมรับ และเข้าใจ
แต่ผมดูออก ว่าแม่ ยังไม่เข้าใจ
ผมต่างหาก ที่ต้องเข้าใจ ว่า มันไม่ง่ายเลย ที่จะเปลี่ยนแปลงใจคน
เปลี่ยนแปลงวิธีคิด จากแบบหนึ่ง ให้เป็นอีกแบบหนึ่งได้
ในเวลาสั้นๆ หรือ ยาวๆ
นี่ก็ 10 กว่าปีแล้ว
>>>
แม่ชอบเล่าทุกปัญหา ของทุกคนให้ฟัง และ แก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จ
ทั้งๆที่ บางครั้ง ในใจผม ก็ไม่เห็นด้วย กับวิธีแก้ปัญหาที่แม่บอก
เช่น
เรื่องการแต่งงาน มีครอบครัว จะเป็นการแก้ปัญหาชีวิตได้
การแต่งงานมีผัว มีเมีย จะทำให้ชีวิตที่วุ่นวาย ไม่เป็นระเบียบ ไม่มีการวางแผน
ใช้ชีวิตแบบคนโสด อิสระ >>> ดีขึ้น
หรือ
เรื่อง การดำเนินชีวิต การทำงาน การมองหาโอกาส ความก้าวหน้า
ก็เป็นไปเพื่อตัวเอง และครอบครัว แบบแคบๆอยู่ในวงจร หมุนเป็นวงกลมๆนั้น
>>>
แม่ ชอบพูดกับผมว่า
ตัวคนเดียว ลูกเมียก็ไม่มี จะทุ่มเท ทำงานหาเงินไปถึงไหน
ทำงานยังกะคนมีลูก 10 คนก็ไม่ปาน ทำไมไม่ทำแค่พอดี
จะกินจะใช้มากมายแค่ไหนกัน
ผมเคยตอบเรื่องนี้แม่ไปว่า
” อย่าคิดถึงแต่ตัวเอง คนเราไม่ได้เกิดมา แค่เพื่อทำอะไรให้ตัวเอง แล้วก็ตายไป
และที่ผมทำอยู่ทุกวัน ไม่ใช่ทำแค่เพื่อตัวเองเท่านั้น “
แม่ เหมือนจะเข้าใจ >>> แต่ ผมว่า แม่ยังไม่เข้าใจ
เพราะ 10 ปี แม่ก็ยังพูดคำนี้ พูดแบบเดิมนี้เลย
” ผมสงสารแม่ “

แม่เก็บทุกปัญหาของลูกๆ หลานๆ มาไว้ในอก
แล้วก็บ่น เหนื่อยใจ ในเรื่องที่ตัวเองแบกเอาไว้
ทั้งๆที่เรื่องบางเรื่อง ไม่ควรเอามาแบก มาถือไว้เลย
เช่น
เรื่องลูก ที่จะทำอะไรใหม่ๆสักอย่าง
แม่ จะคิดแทน แม้บางครั้ง ไม่มีข้อมูลเลย
แต่จะใช้แนวคิด ( สัญญา จำได้หมายรู้ ) ประเมินว่า ดี หรือ ไม่ดี
แต่ ส่วนใหญ่ จะ >>> ไม่
ทั้งๆที่ บางอย่าง ก็เป็นโอกาส ที่ยากจะมีเข้ามา
จนหลายๆเรื่อง ผ่านไป โดยไม่ได้ทำอะไรเลย
ไม่มีใครโทษแม่ เพราะ
เราไม่รู้หรอกว่า ที่แม่พูดนั้น ถูก หรือ ผิด
เพราะถ้าไม่เชื่อแม่ แล้วไปทำ แล้วผิดพลาดขึ้นมา ก็เหมือนเราไม่เชื่อฟัง
คนที่ผ่านอะไรมามาก และที่สำคัญ
แม่ เลี้ยงเรามาจนโต
แม่ทำให้พวกเรา มีทุกอย่าง พวกเรา ไม่ขาดอะไรเลย
เราโตมาได้ และมีชีวิตที่ดี ทุกวันนี้
แม่ของเรา เป็นแม่ที่เก่งมาก และเป็นแม่ที่ประสบความสำเร็จ
>>>
แต่
แม่คิดแม้กระทั่ง เรื่องของหลาน ที่เพิ่งเรียนจบ ( เกียรตินิยม )
ว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร จะทำงานอะไร จะมีครอบครัวไหม และครอบครัวแบบไหน
โดยวางแผนให้เบ็ดเสร็จ ว่าควรออกมาทำงานอะไร
ทั้งๆที่ หลาน ก็มีวิถีทางชีวิต การงานของเขาเรียบร้อยแล้ว
เป็นงานวิชาการ ที่เขารัก แต่แม่ไม่เข้าใจ
แม่คิดว่า งานแบบที่แม่ทำ จะทำให้ทุกคนอยู่ได้ อยู่รอด และมั่นคง
ซึ่ง ยุคนี้ มันไม่ใช่แล้ว
>>>
” ผมสงสารแม่ “
ทุกวันนี้ เวลาที่เราคุยกัน
หนีไม่พ้น เรื่องเดิมๆ ที่แม่แบกไว้ และเหนื่อย
คำว่า ” ปล่อยวาง ” ที่ผมพูดทุกครั้ง แม่บอกว่า ” รู้แล้ว และ ทำอยู่ “
>>>
แม่เคยถามผมว่า
” คนเรา จะไม่ให้มีความเป็นห่วง ไม่ให้มีความกังวล ได้อย่างไร
มันเป็นไปไมได้หรอก ทุกคนมีความห่วง กังวลกันทั้งนั้น
เราจะทำให้ตัวเอง ไม่เป็นอย่างนั้น ได้อย่างไร ? “
ผมตอบไปว่า
” เราห้ามความห่วง กังวลต่างๆไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเอาบางเรื่องมาคิด
และทิ้งบางเรื่องไปได้ วิธีทิ้งคือ อย่าไปคิด ไปต่อยอดความคิดนั้น
เพราะการต่อยอดความคิด มันคือการปรุงแต่ง และที่เราเหนื่อย คือ ความทุกข์
ความทุกข์ ที่เกิดจากสิ่งที่เราปรุงแต่งมันขึ้นมา คิดว่า มันจะเป็นอย่างนั้น
มันจะเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่ มันยังมาเกิด และอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย “
ผมรู้ว่า คำตอบของผม >>> แม่ ยังไม่เข้าใจ

ทุกวันนี้
เวลาที่คุยกัน จะเป็นเรื่องชีวิตประจำวัน และ เรื่องความกังวล แบบเดิมๆ
ผมจะพูดเหมือนเดิม คือ ” ทิ้งๆมันไปนะแม่ … ชั่งหัวมันไปนะแม่ ไม่ต้องเอามาคิด …
เรื่องไหนที่เราพูดหลายครั้งแล้ว มันไม่ดีขึ้น ก็อย่าไปพยายามทำให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการ เพราะเราได้ทำแล้ว ในเมื่อมันไม่ดีขึ้น มันไม่เป็นอย่างที่เราต้องการ ก็ ปล่อย … ปล่อยมันไป และปล่อยวางใจเราไปด้วย “
>>>
เมื่อวานนี้
แม่พูดกับผมว่า …
” แม่เหนื่อยจังเลย ความแก่ ไม่ดีเลยนะลูก “
สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของผม ตอนนั้น คือ
พระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ว่า
” เรามีความเจ็บ ความแก่ เป็นธรรมดา เราไม่อาจพ้นความเจ็บ ความแก่ ไปได้ “
>>>
เรื่องนี้ ยังไม่จบ
เพราะ แม่ผม ยังมีคำถาม ที่ท่านถามผมเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ อีกหลายเรื่อง
และผมตอบไปทุกคำถาม ทุกเรื่อง
แต่ ผมไม่มั่นใจเลยว่า แม่จะเข้าใจ แม้มาก หรือน้อย เท่าไหร่ก็ตาม
ที่รู้สึก ก็คือ ” ผมสงสารแม่ “
>>>
ทุกๆบุญ ที่ผมได้ทำไว้ ไม่ว่าจะที่ใด เรื่องใด และ เมื่อใด
ขอบุญทั้งหมด จงถึงแก่แม่ของผม มีอานิสงส์ ให้ท่านพ้นจาก ความทุกข์กาย ทุกข์ใจ
ให้ท่านเข้าใจ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ได้อย่างลึกซึ้ง
สามารถปล่อยวาง และหยุดความนึกคิดปรุงแต่ง
อยู่กับปัจจุบัน และความจริงเบื้องหน้า
จนเข้าใจในไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่คงอยู่
และควบคุมสั่งการไม่ได้
อย่างไม่ได้มาก ก็ได้น้อยก็ยังดี ด้วยเถิดนะ ท่านเทวดาพี่ใหญ่