พลังงาน ไม่มีสูญหายไปจากโลก
แต่จะเปลี่ยนรูปแบบ จากอย่างหนึ่ง ไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง
สถานะหนึ่ง ไปอีก สถานะหนึ่ง หรือ
รูปแบบหนึ่ง ไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง
ไม่จำเป็นต้องเป็นรูป สถานะ เดียวกัน เหมือน หรือคล้ายกันก็ได้
…
การถ่ายเทพลังงาน ทั้งที่เป็นรูปธรรม และ นามธรรม( ไม่เห็นรูป )
ก็ทำงานลักษณะเดียวกัน เช่น
หิน แตกสลาย จนกลายเป็นดิน
พลังงานในก้อนหิน เปลี่ยนไปเป็นพลังงานในเม็ดดิน
น้ำ รดลงสู่ต้นไม้ พลังงานของน้ำ ก็ไปสู่ดิน และเข้าไปอยู่ในต้นไม้
เป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ ต้นไม้ก็ได้รับพลังงานมาจาก น้ำ
>>>
พูดถึง กระแสของพลังงาน ที่เป็นนามธรรม มองไม่เห็นรูป
จับต้องไม่ได้ สัมผัส( ทั้ง 6 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ )ไม่ได้
แต่ รู้สึกได้ เมื่อ กระแสของทั้งผู้ส่ง และผู้รับ >ตรงกัน
>>>
…
ส่งการบ้านเทวดา ตอนพิเศษ
4 กันยายน 2564 ( 22.00 น. )
” กระแสจักรพรรดิ “
…
ศิษย์ จำนวนไม่น้อย เคยได้ยิน การสวดเพื่อเรียก ” กระแสจักรพรรดิ “
แต่ มีศิษย์จำนวนน้อย ที่เข้าใจ
และศิษย์ อีกไม่น้อย ที่สร้างพระ สวดมนต์ ฝากกระแสไว้ในองค์พระ
ตามความเข้าใจของตัวเอง ที่ได้ดู ฟัง และอ่านมา
>>>
การฝากกระแส
ก็เหมือน การถ่ายเท พลังงาน เหมือนกับที่บอกไปข้างบน
คือ ย้ายพลังงานจากที่หนึ่ง ไปสู่ที่หนึ่ง
ส่งพลังจิต จากคนสวด คนสร้าง ไปที่ >>> องค์พระ
>>>
องค์พระ ทั้งเก่า และใหม่ ที่ยังไม่เคยรับกระแสใดๆเลย
หรือเคยรับมาแล้ว มากมายหลายกระแส จะมีพลังงานแตกต่างกัน
แต่ >>> คำว่า พลังงาน
ย่อมมีพลังงานที่ดี และพลังงานที่ไม่ดี
>>>
พลังงานที่ดี คือ
พลังงานที่สร้างคุณ สร้างประโยชน์ได้ เช่น
พุทธคุณ ที่สะอาด บริสุทธิ์ … บารมีต่างๆ หรือ ความดีต่างๆ
ส่วนพลังงานที่ไม่ดี คือ
พลังงานที่สร้างโทษ สร้างทุกข์ เช่น
กิเลสต่างๆ โลภ โกรธ ราคะ ตัณหา และ ความหลง
…
กระแสเหล่านี้ มีอยู่ทั่วไป และส่งต่อไปได้ เพราะ เป็นพลังงานเหมือนกัน
อาจเป็นพลังงานที่มี อานุภาพสูงมาก ก็ขึ้นอยู่กับ กำลังจิต และ
ความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่ส่งออกไป
>>>
องค์พระ บางองค์ ก็ไม่ใช่จะมีแต่กระแส พุทธคุณ
แต่ ก็อาจจะมีกระแส มาร กระแสกิเลส อยู่ในนั้น
ซึ่งก็มาจาก ใครก็ได้ ที่ใดก็ได้ ผ่านวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุอะไรก็ตาม
ไม่เว้นแต่ พระเครื่อง หรือ พระพุทธรูป
>>>
เนื่องจากเป็นตอนพิเศษ
ขอเขียนสั้นๆ และเข้าเรื่องเลย
…
>>>
การส่งกระแสจักรพรรดิ เข้าไปที่องค์พระ ในแบบของผู้แบ่งปันนี้
เริ่มจาก
1. สวดพุทธมนต์ บทจักรพรรดิ ไปเรื่อยๆ
2. จับหรือกำพระ
3. ระลึก ให้พุทธมนต์ เป็นอักขระ หรือกระแสที่กำหนดขึ้นมา เช่น
คลื่นแสง หรือคลื่นน้ำ ไหลจากตัวเรา ไปสู่องค์พระ
ถ้าระลึกเป็นอักขระ ไม่ต้องเป็นบาลี ให้เป็นภาษาไทยเลย
เพราะสื่อสารง่าย สื่อสารได้จริง สื่อสารได้เร็ว
ถ้าระลึกเป็นกระแสคลื่น กระแสจะนุ่มนวล สว่าง แต่เย็นสบาย
ไม่เร็ว ไม่ช้า แต่มีกำลัง ไหลจากจิต วนทั่วร่างกาย แล้วออกไปทางแขน มือ ( ที่กำพระ ) เข้าไปในองค์พระ
แล้ววนออกมาที่ตัวเรา ไปที่จิต
ส่วน อักขระ อักษร ( ไทย ) ก็วิ่งไหล เป็นคำ เรียงเป็นแถว ตามคำสวด ออกจากตัว
ไปแขน ไปมือ เข้าไปในพระ และวนมาที่ตัว ( จิต )
วนอยู่แบบนี้ ตั้งแต่เริ่มสวด กำพระ จนเลิกสวด
>>>
กระแส จะถูกบันทึกเข้าไปทุกครั้ง ที่ทำ
และจะยิ่งสะสมมากขึ้น ๆ เมื่อทำเป็นประจำ
>>>
อย่าลืมว่า
ถ้าจิตของท่าน ยังมีความโลภ โกรธ และ หลง ขณะสวด
และเกิดขึ้นมาแทรก
กระแสต่างๆเหล่านี้ ก็จะไหลเข้าไปด้วย
ดังนั้น
จึงควรหมั่น ทำสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน อยู่เป็นประจำ
เพื่อให้รู้ทันกิเลส และดับความนึกคิดเหล่านั้นได้
เมื่อจิตหนึ่งของกิเลส ตีเข้ามา เวลาสวดมนต์
จิตรู้ ย่อมดับ จิตกิเลส ก่อกวนนั้นได้ทันที >>>
และกระแส พุทธมนต์ ที่สะอาด บริสุทธิ์ ก็จะไม่มี กระแสเทาๆ ดำๆ นั้นผสมเข้าไป
พระ ที่ท่านกำอยู่ จึงจะมีพลังงานที่ดี
และ เมื่อจิตท่าน กับ พลังงานในองค์พระ เชื่อมต่อกันได้ดีแล้ว
ความรู้พิเศษ จะเปิดให้ท่านสัมผัสได้เอง
>>>
ไม่ยาก แต่ ก็ไม่ได้ง่ายเลย
จิต ที่เชื่อมเป็นหนึ่ง กับ นามธรรม หรือภาคทิพย์ ( ของตัวเอง )
ย่อมต้องละเอียดมากพอ
แต่ … ก็แบ่งปันให้เห็นภาพ
ว่า กายหยาบนี้ กับ กายละเอียด ไม่มีอะไรกั้น
อยู่ใกล้กันมาก แต่ เชื่อมกันยังไม่ติด เพราะ จิต ทั้ง 2 คลื่นยังไม่ตรงกัน
>>>
สวดมนต์ + สมถะ ภาวนา + วิปัสสนา ภาวนา อย่างถูกวิธี
ไม่นาน ก็เข้าถึง กายละเอียดได้
แล้วเข้าถึง กายทิพย์หยาบ และ กายทิพย์ละเอียด ในลำดับต่อไป
…
นี่ พยายามเขียน ให้สั้นที่สุด และเข้าใจง่ายที่สุดแล้วนะ ท่านเทวดา