” ชีวิตที่เลือกเกิดได้ “

ตามนัด

.

ส่งการบ้านเทวดา ( พี่ใหญ่ )

ตอน : ชีวิตที่เลือกเกิดได้

14 สิงหาคม 2565

จากวิปัสสนากรรมฐาน 

อันมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสะระณะ

และนำหลักแห่ง ไตรลักษณ์ พิจารณาเข้าไปตามความเป็นจริง

หลักแห่ง ปฏิจจสมุปบาท การเกิดขึ้นแห่งธรรมทั้งหลาย ล้วนอาศัยกัน

ฉันเชื่อใน คำสอนครูบาอาจารย์

เชื่อด้วยสติ เชื่อด้วยศรัทธา อันประกอบขึ้นด้วย สติ สมาธิ ดึงเอาปัญญาออกมาพิจารณาใน วิปัสสนากรรมฐาน ทุกครั้ง

ครั้งหนึ่ง หลวงตาม้า พระวิริยธโร ท่านบรรยายธรรม แก่สาธุชนทั่วไป

แต่ 

เหมือนท่านกำลังพูดคุยอยู่กับฉัน เพียงลำพัง

เรื่อง ” ชีวิตที่เลือกเกิดได้ “

ใครว่า ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ 

เพราะ การมาเกิด ล้วนมาจาก การประกอบขึ้นจาก ” กรรม ” หรือ สิ่งที่ตัวเองทำไว้ บวกรวมกับ สติ สมาธิ ที่พาจิตมาจุติ ไม่ว่าจะในแห่งหนใดก็ตาม

งั้นก็เข้าเรื่องเลย

>>>

หลวงตา คุยกับฉันว่า

” ทำไว้เสียแต่ตอนนี้ ภพภูมิหน้า ไม่มีใครเทียบเอ็งได้เลย “

คำๆนี้ ศิษยานุศิษย์หลวงตา ตัวจริง เคยได้ยินมาแล้วทั้งนั้น

แต่ จะมีคนเข้าถึงได้ สักกี่คน

เพราะ คำว่า ” ทำ ” ที่ท่านว่านั้น 

มันคือการปฏิบัติอย่าง เพียรพยายามอย่างยิ่งยวดเลย

คำว่า ” ไม่มีใครเทียบเอ็งได้เลย ” นั้น มันง่ายนักหรือ ?

บอกเลยว่า ” ยากชิบหายเลยแหละท่าน “

>>>

” ทำ ” คือ ทั้งเพียร ทั้งละ เลิก สละ วาง ทั้งหมด ยากไหมล่ะ

มีมนุษย์หน้าไหน ที่ฟังธรรมนี้อยู่ แล้วทำได้บ้าง

เห็นแต่ ขอ อยากได้ อยากมี ยึดมั่นถือมั่น กันทั้งนั้นเลย

หลวงตา ก็  ” อายุ วัณโณ สุขัง สะตัง ” ไป

เอาใจพวกโลภๆ ไปวันๆ เผื่อว่าวันหนึ่ง มันจะปฏิบัติบ้าง

ให้มันฟังธรรมแบบนี้ ดีกว่า ให้มันไปทำอกุศลอย่างอื่นๆ

แต่ที่รู้ๆ มันไม่ได้อะไรเลย ทั้ง อายุ วรรณะ สุขะ และสะตัง 

เพราะมันต้องทุกข์ ต้องป่วย ต้องตาย และ ยากจน ไปตามกรรมที่ทำมา

คราวนี้ มาว่าเรื่องยากๆกัน

หลวงตา คุยกับฉัน ในอีกภวังค์หนึ่ง ( มิติหนึ่ง ) ที่ซ้อนอยู่ในเวลาเดียวกันนั้น

” ท่าน บอก ให้ ทำ “

แล้ว ฉัน ก็ ทำ 

ทำเพราะ เชื่อ และ ศรัทธา และ พิจารณาตามเหตุตามผลแล้ว มันจริง

***

เพราะถ้าภพภูมินี้ ฉันมีหน้าที่มาสั่งสมบารมี 

เพื่อให้ภพภูมิต่อไป ฉันมีความถึงพร้อมด้วย สรรพประการทั้งปวง แล้ว

ฉันไม่ควร ไปจุติ เป็นแค่คนทั่วๆไป ที่ช่วยเหลือได้แค่ตัวเอง หรือครอบครัว

แต่

ฉันปรารถนาจะช่วยเหลือผู้คน ทั้งโลก และ 3 แดนโลกธาตุ

ซึ่งบารมีนี้ มันย่อมไม่ง่ายเลย ที่ฉันจะปฏิบัติไปถึง

ถ้าฉันไม่ทุ่มเทกาย ถวายชีวิต 

ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่า ต่อให้ทำไปจนวันสุดท้ายของชีวิตนี้ แล้ว

ผลของมันจะส่งฉันไปได้ถึงเพียงไหน ?

>>>

หลวงตา บอกว่า ” เอ็งทำได้แน่นอน ” เพราะ

เอ็งมีครูบาอาจารย์ ภาคทิพย์ สนับสนุนอยู่มาก

ท่านคอยฉุดดึง และเปิดทางให้เอ็งทำได้สะดวก เหตุเพราะ

นี่ไม่ได้เป็นชาติแรก ที่เอ็งทำอย่างนี้

เอ็งทำอย่างนี้ หลายภพ หลายชาติแล้ว

ตั้งแต่แรกๆ เอ็งก็เจออุปสรรคมากมาย ทั้งความยากจน ความไม่มี ผ่านมาหมดแล้ว

วิบากกรรมเหล่านี้ มันหมดไปเรื่อยๆ

และส่งผลมาในภพต่อๆไป

ทำให้ อุปสรรคต่างๆ มันลดลงไปเรื่อยๆ จนมาถึง ภพปัจจุบันนี้

ที่เอ็งรู้สึกว่า มันไม่ค่อยติดขัด มีความสะดวก ซึ่ง คนอื่นๆทำได้ยาก

แต่เอ็งก็ยังสามารถทำได้

คำว่า ” ทุ่มเทกาย ถวายชีวิต ” 

เอ็งจะไปพูด ไปสอน ไปชวนคนไม่ได้

เพราะมันไม่มีใคร จะมาทำเรื่องแบบนี้ได้เลย

แม้ 1 ในล้าน ยังมากเกินไป สำหรับ กิจแบบนี้

ไม่มีใครทำหรอก 

มันเป็นกิจ ของ ” โพธิสัตว์ ” 

มันไม่ใช่แค่ เมตตาสงสารเท่านั้น

แต่ มันคือ มหาเมตตา มหากรุณา ที่ต้องการให้สรรพสัตว์ พ้นออกไปจากความทุกข์ 

ในจิตของเอ็ง ก็รู้ๆดีอยู่ 

ว่า เรื่องแบบนี้ ใครจะมาทำ 

แค่ไม่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ประโยชน์ของตัวเอง นี่ก็ยากแล้ว

สำหรับคน ในยุคนี้ และยุคหน้า ที่ใกล้ๆนี้ มันมีแต่ความเสื่อม

หลวงตา ก็มาทำหน้าที่เหมือนกัน 

หลวงตา เป็นพระ เอ็งเป็น ฆราวาส เรามีหน้าต่างกัน 

แต่ทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกัน 

มียุคพระศรีฯ เป็นที่ไป เรามาทำงานเพื่อท่าน

>>>

บุญ 3 อย่าง ที่เอ็งต้องทำให้ถึง ด้วยความเพียรมาก คือ

ทาน ศีล และภาวนา

ไม่ใช่แค่รู้ แต่ต้องถึง อย่างผู้รู้ คือ รู้อย่างถูกต้อง 100% ไม่ใช่ 99%

เอ็งจะหลุดไม่ได้เลย

เพราะ

1 … ทาน 

ที่ทำอย่าง ทุ่มเทกาย ถวายชีวิต คือสละหมด แม้ไม่ต้องถึงอย่างพระเวสสันดร 

แต่ก็ถวายชีวิตไปทั้งหมดแล้ว 

ทานแบบนี้ ไม่มีมนุษย์ที่ไหนทำ เพราะ

มนุษย์ ถูกมาร ใส่ความตระหนี่ หวงแหน ความมีอัตตา ในจิตมาตั้งแต่ เกิด

อันนี้ไม่ต้องไปพูด มันดึงจิตลงไปคิด เสียเวลาเปล่าๆ

ให้พูดถึงเฉพาะ ที่ก้าวหน้าไปแล้ว

ทานแบบนี้ มันจะให้ผลมหาศาล

มหาศาลคือ ไม่ธรรมดาแน่ๆ 

คำว่า อัครมหาเศรษฐี ยังน้อยไป

ต่อมา

2 … ศีล

เอ็งอย่าลืมว่า เอ็งมีเงินมาก ทรัพย์มากช่วยคนได้ทั้งโลก แต่เอ็ง ต้องมีความสุข ไม่ทุกข์

เศรษฐีในโลกนี้ ในปัจจุบันนี้ มีความทุกข์ไม่น้อยเลย 

เช่น ความทุกข์ในปัญหาครอบครัว มีเงินมาก แต่ทะเลาะกัน พี่น้องไม่รักกัน 

บางครั้งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันก็มีเยอะ

ผัวเมีย นอกใจ มีหลายคู่ 

รวมไปถึง ความเจ็บป่วย ที่มาจาก วิบากกรรมติดตามตัว 

ซึ่งเรื่องพวกนี้ เงิน แก้ปัญหาไม่ได้

ศีล จะทำให้ชีวิตของเอ็ง ราบรื่น มีความสุข ไม่ประสบทุกข์ระหว่างทาง

ซึ่งจะเป็นสิ่งขัดขวาง กิจที่เอ็งจะต้องไปทำมากมาย ในภพภูมิ

ต่อมา

3 … ภาวนา

เอ็งจะขาดปัญญา ไม่ได้ เพราะ

เอ็งต้องบริหารผู้คนจำนวนมาก อาจหมายถึงทั้งโลก 

ซึ่งปัญญา จะต้องเป็นระดับ มหาปัญญาบารมี ซึ่ง

ไม่ใช่ภาวนา ธรรมดาๆ

แต่ ที่ทำอยู่นั้น เห็นชัดเจนแล้ว

การวิปัสสนากรรมฐาน ถือว่า เป็นการดึงปัญญาชั้นสูงที่สุด 

ที่พระศาสดาสอนมนุษย์ไว้ ให้บรรลุธรรมได้ ระดับเดียวกับท่าน

เพราะ ขณะบรรลุธรรมสูงสุด ท่านก็เป็น มนุษย์

เอ็งต้องปฏิบัติอย่าง ทุ่มเทกาย ถวายชีวิต ทั้ง ทาน ศีล และ ภาวนา

จึงจะบรรลุทั้งหมดนี้ได้

>>>

” มันยากนะ ยากมากเลย “

แต่

ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่าถอยเสียก่อน

ให้ทำต่อไป 

ครูบาอาจารย์ข้างบน ดูเอ็งอยู่ทุกวัน ทุกเวลา นาที วินาที

เอ็งรับปากท่าน ว่าจะลงมาทำ ก่อนที่เอ็งจะมาเกิด

ก็ต้องทำให้มันเสร็จ

เมื่อเสร็จแล้ว เอ็งก็จะพ้นไปจากทุกสรรพสิ่งทั้งปวง

หลังจากนี้

ให้วิปัสสนาลืมตา ทุกวัน

ให้เห็นความเป็นจริงแบบ ทุกลมหายใจ 

ทุกการนั่ง นอน ยืน เดิน ก็ให้เห็นความจริง

แล้ว  >>>

ที่เหลือ ข้าบอกมนุษย์ไม่ได้ แต่ข้ารู้ว่า เอ็งรู้ดีแล้ว

ให้ปฏิบัติต่อไป

>>>

ทั้งหมดนี้ มาจาก ” วิปัสสนาลืมตา ” ครับ ท่านเทวดาพี่ใหญ่

สาธุ สาธุ สาธุ